รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
Interviewer, Sheree: มาดูกันดีกว่า เราจะพยายามเน้นที่บางสิ่ง... เรามีเวลา ไม่มากนัก แต่แค่จะมาพูดถึงประเด็นสำคัญ บางประเด็น ในสิ่งที่ท่านสอน (แน่นอน) บางที บางที ถ้าเรามีมุมมองที่รู้แจ้งของท่าน เกี่ยวกับโลกในวันนี้ (โอเค) เพราะฉันก็ไม่รู้ว่า เราจะได้รับข้อมูลที่ดีกว่าหรือไม่ (ใช่) เรามีซีเอ็นเอ็น เรามีดาวเทียม เราเห็นทุกอย่าง (ใช่) หรือโลกเป็นแบบนั้นมาตลอด เพียงแต่เราสามารถ มองเห็นอิทธิพลต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น? แล้วจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้โลก กลับมาดีขึ้น? และฉันรู้ว่า นี่จะเป็นเพียงคำตอบ จากท่านเท่านั้น ฉันคิดว่า มันจะต้องมีลำแสงคอสมิก บางประเภท ที่ลงมาและทำให้ผู้คน ไม่อยาก ยิงใครอีกต่อไป ทำให้ผู้คนเริ่มเบื่อสงคราม ขึ้นมาบ้าง (ใช่ ๆ) และเบื่อกับการ ไม่อยากเอาปืนเข้าโรงเรียน แล้วคิดว่า "โอ้ กระเป๋าหนังสือฉันหนัก เพราะหนังสือ บางทีฉันอาจจะ ทิ้งปืนไว้ที่บ้าน" ท่านรู้ไหม ฉันคิดเสมอว่า มันจะต้องเป็น บางสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ Master: ใช่แล้ว ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันที่รัก แต่คุณรู้ไหม... Interviewer, Sheree: โอ้ ดีเลยค่ะ อะไรก็ได้ ฉันจะถามคำถามนั้น เพียงแต่ฉันต้องบอกว่า การสัมภาษณ์ครั้งนี้ มันเป็นการให้บางสิ่ง แก่ผู้ฟัง ที่สามารถเข้าใจได้ เพราะเรื่องนี้ จะแตกต่างอย่างมาก สำหรับหลาย ๆ คน (ใช่ ใช่) เมื่อได้ยินจากท่าน (ถูกต้อง) และฉันอยากจะพูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ (โอเค) ฉันจึงอยากให้มันมีความเกี่ยวข้อง (นอกจากนี้ ท่านอาจกลับมา ที่เมืองนี้อีกครั้ง เพื่อบรรยายในวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นผู้คนจะได้รู้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น) โอ้ เราอาจคุยกันเกี่ยวกับความจริง ที่ท่านอยู่ที่นี่ แต่รายการนี้ จะต้องออกอากาศ ในวันที่ 28 (พฤศจิกายน) ฉันกำลังทำเทปคาสเซ็ตต์ ที่ใครก็ตามสามารถนำติดตัวไปได้ หากต้องการ (โอเค ขอบคุณครับ) และมีวันที่และเวลาด้วย (โอเคครับ เยี่ยมครับ) แล้วเราจะคุยกันในแง่ที่ว่า ท่านอยู่ที่นี่แล้ว ท่านอาจจะกลับมา ในช่วงต้นปีหน้าใช่ไหม? (ท่านมีทัวร์รอบโลก ท่านยังไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ครับ) ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล เป็นไปตามกำหนดเวลา เราจะรอ เราจะรอ ดังนั้น... (นี่จะเป็นครั้งแรก ที่ผู้คนมีโอกาสได้ฟังท่าน ดังนั้น...) แล้วเราก็จะดูกันว่าจะเป็นยังไง เราจะใช้เวลา ไม่ถึง 15 นาที (ใช่) ดังนั้น เราจะต้อง ตรงประเด็น (ถูกต้อง) และถ้าผู้คนสนใจ เราจะบอกว่า ท่านมีแผนจะกลับมา อีกแน่นอน (ใช่ เอาล่ะ) และแค่มีบางสิ่งให้คิด ฉันอยากจะเห็นว่า สิ่งเหล่านี้จะออกมาเป็นอย่างไร ทุก ๆ ครั้ง... ฉันมักจะเล่นกับผมของฉัน ทุกครั้งที่มีแฟลช Master: โอเค คุณสวย ไม่ต้องห่วง เราจะส่งเทปให้คุณ หากคุณ ต้องการดูตัวเอง วันนี้คุณสวย ไม่ใช่หรือ? (ใช่ครับ) Interviewer, Sheree: มันไม่ใช่วันที่แย่อะไรค่ะ (วันนี้เป็นวันผมสวยนะครับ) เปล่าค่ะ ไม่ดีเลย... วันนี้เป็นวันผมปกติคะ (จริง ๆ นะ...) ขอบพระคุณค่ะ ท่านกำลังทำให้ฉันอิ่มเอมใจ ด้วยสิ่งดี ๆ เหล่านี้ (คุณอย่าคาดหวังอะไร มากกว่านั้น ยกเว้นตอนที่คุณทำแบบตรงกันข้าม แต่ถ้ามันเป็นผมธรรมดา นี่ก็ยอดเยี่ยม) ฉันจะไปเจอแฟนของฉันคืนนี้ แล้วพูดว่า "เจน ฟอนดา" (ใช่ เธอทำแบบนั้น ใช่มั้ย?) แล้วเขาจะพูดว่า "อะไรนะ?" (เธอดูเหมือนเจน ฟอนด้า) (เธอมีหน้าตาเหมือนดาราเลยครับ) (ใช่) โอเค เราพร้อมหรือยังคะ (พร้อมค่ะ) มันจะสนุก ฉันตั้งตารอคอยสิ่งนี้มาตลอด โอเค เราอยากที่จะตรงไปตรงมา และไม่หยุด แล้วเราก็แค่คุยกัน นี่เป็นเพียงการสนทนา (ค่ะ) เราใช้เวลา ไม่ถึง 15 นาที (โอเค) และฉันมีเทปคาสเซ็ต ที่เรากำลังทำอยู่ ทุกคนพร้อมหรือยังคะ? (พร้อมค่ะ) เริ่มกันเลยนะคะ แขกคนต่อไปของฉันในเช้าวันนี้ ในรายการฮูสตันโฟคัสคือ ผู้รับรางวัลสันติภาพโลกท่านล่าสุด และท่านเป็นอาจารย์ทางจิตวิญญาณ ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ผู้คนนับแสนได้นับถือท่าน ในฐานะนักบุญ ที่มีชีวิต และท่านเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และเราขอต้อนรับท่าน เข้าสู่รายการในเช้าวันนี้ เราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้ ท่านเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง เรากำลังเติบโต ไปในทิศทางจิตวิญญาณมากขึ้น หรือไม่ ท่านคิดว่าอย่างไรคะ? Master: ใช่ ฉันคิดเช่นนั้น เพราะในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หลายท่าน เช่น โยคะนันทะ หรือ เคอปัล ซิงห์ เป็นต้น หรืออาจารย์ท่านอื่น ๆ อีกมากมาย จากที่ซึ่งเรียกกันว่า โรงเรียนทางจิตวิญญาณต่าง ๆกัน แต่ความจริงแล้ว พวกท่านกำลังสอน หลักการเดียวกัน (ใช่ค่ะ) และหลายครั้ง ก็ใช้วิธีเดียวกัน ในการได้รับการรู้แจ้งฉับพลัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจำเป็น (ดังนั้น จึงมีวิถีทางให้เลือกมากมาย แต่เราก็มุ่งไปสู่ จุดหมายเดียวกันใช่ไหมคะ?) ใช่ ยาวกว่าหรือสั้นกว่า ใช่ (ใช่ ยาวกว่าหรือสั้นกว่า) มีเส้นทางตรงมากกว่า และเส้นทาง คดเคี้ยวยาวไกลกว่า (ศาสนากับจิตวิญญาณ แตกต่างกัน ใช่ไหมคะ?) ไม่ได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง (ไม่ทั้งหมด ฉันรู้ว่าทั้งสองเหมือนกัน) ไม่หรอก ไม่เหมือนกันทีเดียว (ทั้งสองเกี่ยวข้องกัน ใช่ไหมคะ?) ศาสนาได้รับการก่อตั้ง โดยผู้ที่เรียกว่า อาจารย์ และสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเราเรียกว่าศาสนา คือส่วนทฤษฎี ของคำสอนของพวกท่าน แล้วสิ่งที่ขาดหายไป คือส่วนปฏิบัติ- ส่วน คุณเห็นไหม? เช่น ถ้าท่านอาจารย์ โยคะนันทะยังมีชีวิต คุณก็รู้… ฉันพูดถึงโยคะนันทะ เพราะคุณรู้จักท่าน (ใช่ ฉันรู้จักค่ะ) อาจารย์ท่านอื่น ๆ บางที คุณอาจไม่รู้จัก มันจึงง่ายกว่าสำหรับฉันที่จะบอกคุณ อย่างเช่น หากท่านมีชีวิตอยู่ ท่านจะบอกคำสอนทั้งหมด แก่คุณก่อน ทางวาจา แต่หลังจากนั้น ท่านถ่ายทอดสิ่งอื่นให้แก่คุณ สิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาษา ใช่ไหม? (ใช่ค่ะ) คุณจะรู้จักตัวเองทันที หรือเร็วที่สุด ที่จะเป็นไปได้ ใช่ และส่วนนั้นจะต้องได้รับการถ่ายทอด โดยอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เห็นมั้ย? (แน่นอนค่ะ นั่นคือสิ่งที่ท่านทำใช่ไหมคะ? ท่านคืออาจารย์ที่มีชีวิต) ฉันเดาว่า นั่นคือสิ่งที่ผู้คนเรียกฉัน (ท่านมองตัวเองเป็นแบบนั้นไหมคะ?) ก็ ฉันก็ทำสิ่งที่ดีให้กับผู้คน (โอเคค่ะ) และสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา และพวกเขาได้รับผล โดยตรงและทันที ฉันเดาว่า ฉันทำหน้าที่ที่ถูกต้อง (ค่ะ ฉันคิดว่า ท่านอาจได้รับเลือกให้ทำสิ่งนี้) บางที อาจเป็นเช่นนั้น (แล้วทีนี้ ธรรมวิถีกวนอิมคืออะไรหรือคะ? นั่นคือการทำสมาธิใช่ไหมคะ? นั่นคือวิถีชีวิตทางจิตวิญญาณ แบบองค์รวมใช่ไหมคะ? นั่นคืออะไรกันแน่หรือคะ?) ท่านรู้ในสิ่งฉันหมายถึงนะคะ? จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่วิถี อย่างที่เราสามารถ อธิบายเป็นภาษาได้ แต่เพราะเราต้องบอกว่า มันเป็นวิธีการ ไม่เช่นนั้น ผู้คนจะถามว่า "คุณให้อะไรกับเรา?" (ฉันทราบค่ะ) แต่จริง ๆ แล้ว ตอนที่ฉันถ่ายทอดสิ่งนี้ให้พวกเขา เราไม่ใช้ภาษาเลย เราเพียงใช้การพูด จากจิตวิญญาณถึงจิตวิญญาณ และไม่มีการพูดใด ๆ จากนั้นผู้คน ก็จะได้รับการรู้แจ้ง ด้วยสิ่งนั้น พวกเขารู้จักตัวเอง พวกเขาได้ติดต่อกับพระเจ้า โดยตรงทันที ใช่ และไม่มีการพูด ไม่มีวิธีการใด ๆ ที่กำหนดไว้เลย แต่สิ่งที่ฉันสอนผู้คนนั้น เป็นเพียงการสอนด้วยวาจา เหมือนกับที่ "คุณต้องดีต่อผู้คน คุณต้องไม่ฆ่า เป็นวีแกน และคุณต้องช่วยเหลือผู้คน และคุณต้องกลัวพระเจ้า" สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนเชิงทฤษฎี แต่ส่วน ที่ฉันถ่ายทอดอย่างแท้จริง ซึ่งคือ คำสอนที่แท้จริงนั้น ไม่ได้มาจาก การบอกด้วยปาก มันไม่ใช่ภาษา (ค่ะ) นั่นคือธรรมวิถีกวนอิม (ท่านก็ทราบ ที่นี่ในประเทศนี้ ท่านคงคุ้นเคยกับศาสนาต่าง ๆ ของเราเป็นอย่างดี และดูเหมือนว่า เราจะได้ทุกอย่าง จากการบอกเล่าแบบปากต่อปาก พิธีแบบดั้งเดิม (ใช่) และสิ่งต่าง ๆ ในลักษณะนี้ และเรากำลังพลาดบางอย่างไปหรือไม่ เพราะเราไม่พิจารณา จากภายในสู่ภายนอก...) ใช่แล้ว เราพลาด พิธีกรรมและ บทเรียนเชิงทฤษฎีล้วนเป็นส่วนหนึ่ง ของการแสวงหาสัจธรรมนี้ แต่เราต้องรู้ว่าสัจธรรมนั้น ต่างจากพิธีกรรมเหล่านี้ พิธีกรรมหรือการพูด เชิงทฤษฎี เป็นเพียงการเตือนใจให้เราค้นหา แก่นสำคัญ ซึ่งไม่ใช้คำพูด (ถูกต้องค่ะ) ซึ่งเราเพียงแต่ต้องรู้ ต้องตระหนัก แต่ไม่สามารถบรรยายได้ และเมื่อคุณรู้เช่นนั้นแล้ว คุณก็กลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุด (เพราะมันดูเหมือนว่า... มันจะเป็นเรื่องยากมาก ที่ผู้คน แค่นั่งเฉย ๆ และเงียบได้ ต้องมีใครบางคนคุยกับคุณ หรือร้องเพลงให้คุณฟังอยู่เสมอ หรือไม่คุณก็ร้องเพลง (ใช่) และดูเหมือนว่า ควรจะมีวิธีอื่นที่เงียบกว่านี้) แน่นอน นั่นคือธรรมวิถีกวนอิม เพราะเราพูดคุยกับพระเจ้า ตลอดเวลา แต่เราไม่ได้ฟัง (โอ้ นั่นไม่ใช่ความจริงเหรอ? จริงมาก ๆ เลยค่ะ จริงมาก ๆ เลยค่ะ) เราขอสิ่งต่าง ๆ จากพระองค์ มากเกินไป และเราไม่เคย ให้พระองค์มีโอกาสพูดกับเรา ดังนั้น ธรรมวิถีกวนอิม จึงเป็นหนทางตรงในการฟังพระเจ้า และรู้ว่าพระองค์ต้องการให้เราทำอะไร หรือพระองค์อวยพรเราอย่างไร? (ค่ะ) และเรารู้เรื่องนี้ ได้อย่างชัดเจนมาก ๆ ๆ ในทุกวัน (ท่านได้การรู้แจ้ง มาจากที่ใดหรือคะ?) ในเทือกเขาหิมาลัย (จริงหรือคะ?) ใช่ค่ะ (ตั้งแต่อายุเท่าไหร่หรือคะ?) คุณสามารถได้มันเลยที่นี่เลย (เป็นเวลาหลายปีแล้วหรือคะ?) ฉันคิดว่า ตอนที่ฉันอายุ 30 กว่า ๆ (ท่านเป็นแบบ... ฉันไม่รู้ว่าฉันควรพูดแบบนี้ไหม: มันไม่สายไปเหรอคะ?) ใช่ (สายไปไหมคะ?) มันดีกว่าไม่ได้เลย บางคนอายุ 50 ปีแล้ว ยังไม่ได้ รับการรู้แจ้งเลย ดังนั้น คุณอย่าคิดเช่นนั้นเลย (จริงอย่างมากค่ะ จริงอย่างมากค่ะ ไม่ค่ะ นั่นก็ยอดเยี่ยม ตอนที่ฉันอ่าน เนื้อหาขั้นสูงเกี่ยวกับท่าน ฉันไม่คาดหวังว่า จะมีใคร เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา และเป็นมนุษย์แบบนี้) โอ้ ฉันเป็นมนุษย์อย่างมาก (แต่หลายครั้ง ผู้คนคาดหวังเมื่อพวกเขาอ่าน "โอ้ พระเจ้า อาจารย์ผู้รู้แจ้งด้วยตนเอง" หรือ "โอ้พระเจ้า ฉันจะพูดอะไรไม่ได้เลย ฉันจะพูดเรื่องตลกไม่ได้เลย" หรือ คุณรู้ไหม...) คุณคงจะแปลกใจกับเรา (ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ ฉันจะแปลกใจหรือเปล่า) เราเป็นคนธรรมดามาก ๆ ใช่ ๆ ที่จริงแล้ว คุณไม่รู้มุมมองของเซน? มุมมองของพุทธศาสนานิกายเซน พวกเขากล่าวว่า “จิตที่รู้แจ้ง คือจิตธรรมดา” ยิ่งคุณรู้แจ้งมากเท่าใด คุณก็จะยิ่ง กลายเป็นคนธรรมดามากขึ้นเท่านั้น ฉันหมายถึง เป็นมนุษย์มากขึ้น เรียบง่ายมากขึ้น แค่เป็นตัวของตัวเอง (นั่นเรียกว่าการขัดแย้งรึเปล่าคะ? นั่นเป็นหนึ่งในความขัดแย้ง ที่ยิ่งใหญ่หรือไม่คะ?) ใช่ มันดูเหมือนขัดแย้งอย่างมาก แต่มันเป็นความจริง (มันคือความจริงค่ะ) ตอนนี้ฉันตระหนักรู้แล้ว ฉันเคยเป็น มากกว่านี้ คุณจะพูดว่ายังไงนะ... (เคร่งขรึมใช่ไหมคะ?) เคร่งขรึม> ใช่ ฉันเคยเคร่งขรึมมาก หากคุณต้องการให้ฉันเคร่งขรึม ฉันก็จะเป็นได้ ฉันสามารถแสดงได้นิดหน่อย แต่ไม่นานเกินไปนัก (ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้ ท่านทำได้ดีมากค่ะ) ขอบคุณ (ฉันกลัวว่าท่านจะเคร่งขรึมเกินไป ถ้าท่านเคร่งขรึมเกินไป ฉันคงเป็นคนเดียวที่พูดตอนนี้ แล้วฉันไม่ต้องการแบบนั้น ดังนั้น...) ฉันเดาว่าฉันคงเป็นแบบนั้นไม่ได้ อีกต่อไป ฉันเคยเป็นแบบนั้น (แต่แล้วไงต่อเหรอคะ? ท่านรู้สึกสบายใจ ในตัวท่านเองหรือไม่คะ?) ใช่ คุณแค่รู้ว่า คุณเป็นอะไร และตอนนั้น อะไรก็ตามที่คุณเป็น ก็โอเค คนส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับตัวเอง นั่นคือเหตุผล ที่พวกเขาประสบปัญหา (โอ้ ฉันทราบค่ะ เราจะผ่านมันไปได้อย่างไรคะ?) ให้รู้แจ้ง และยอมรับตัวเอง รู้ว่าคุณสบายดี (ตอนที่ท่านพูดว่า "ให้รู้แจ้ง" นั่นฟังดูเหมือน "เฮ้ รู้แจ้งสิ" ไปที่ร้านค้า และรับการรู้แจ้ง” แต่ฉันหมายถึงว่านั่นคือ...) คุณไปหาอาจารย์ ผู้รู้แจ้งแล้ว (แต่ตอนนี้ พวกเขา ไม่อยู่ในสมุดโทรศัพท์แล้ว) ไม่ค่ะ ใช่ อาจมีบ้าง แต่... เราไม่ได้ทำ แบบการโฆษณา และเราไม่คิดเงินใครแม้แต่เพนนีเดียว ไม่ว่าจะก่อน ระหว่าง หรือหลัง Interviewer, Sheree: ท่านคิดว่าถ้ามีคนได้รับแรงบันดาลใจ ให้เริ่มเส้นทางหนึ่ง ๆ ซึ่งฉันพบว่านี่เป็นเรื่องจริง จะมีหลายครั้งที่ผู้คน มาอยู่ตรงหน้าคุณ คุณจะได้พบปะกับผู้คน ที่คุณคิดว่า "อา คุณรู้ไหมว่านี่มันตลกดีนะ เพราะฉันเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ เมื่อวันก่อน และดูสิ ฉันกำลังพบกับ (ค่ะ) ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ในขณะนี้ (ค่ะ) และด้วยเหตุนี้ ฉันจึงควรพูดคุย กับผู้หญิงท่านนี้" บางทีมันก็เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ? เห็นไหมคะ ฉันมักจะคิดแบบนั้น Master: ใช่แล้ว มันคือการจัดการของพระเจ้า (ค่ะ) อย่างที่ผู้คนพูดกันว่า: “เมื่อลูกศิษย์พร้อม อาจารย์ก็จะปรากฏ” (ใช่ค่ะ) ดังนั้นการรู้แจ้งจะเกิดขึ้น เมื่อคุณต้องการมันอย่างจริงใจ ไม่ใช่ว่าอาจารย์ จะประทานให้กับคุณ เพราะคุณมีมัน อยู่ในตัวคุณ อาจารย์เพียงแต่ช่วยให้คุณ เปิดมันออก แสดงให้คุณเห็นว่า คุณรู้แจ้งอยู่แล้ว คุณยิ่งใหญ่ แต่คุณต้องใช้เวลาเพื่อทำความรู้จัก กับความยิ่งใหญ่ในตัวคุณ และอาจารย์จะนำทางคุณ ก้าวไปทีละก้าว สู่ความยิ่งใหญ่ของตัวคุณเอง (ตอนนี้ เรามีปัญหามากมาย ไม่ใช่เหรอคะ? ฉันคิดว่า เราได้พิสูจน์แล้วว่า เราพูดคุยกับพระเจ้า มากกว่าฟังพระองค์) ใช่ (แล้วคุณไม่ต้องมี ความอดทนสักหน่อยในตอนแรก เพื่อให้คุ้นเคยกับ กระแสนี้ใช่ไหมคะ?) ถูกต้อง แน่นอน ๆ ผู้มาใหม่ ลูกศิษย์ใหม่ เป็นต้น เราต้องพูดว่า "ลูกศิษย์" ไม่เช่นนั้น ผู้คนจะไม่เข้าใจว่า เรากำลังพูดถึงอะไร ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มี สิ่งที่เรียกว่าศิษย์และอาจารย์ เราทุกคนล้วนเป็นอาจารย์ เราทุกคนล้วนเป็นลูกของพระเจ้า แต่เพราะมีคน ที่ตระหนักรู้ก่อน พวกเขาจึงกลายเป็นอาจารย์ พวกเขาสอนคนใหม่ ที่ยังไม่ตระหนักถึงมัน เหมือนเด็กเล็ก ๆ ใช่ไหม? (ใช่ค่ะ) แล้วพวกเขาก็กลายมาเป็นครู ในเวลาต่อมา ดังนั้นตอนนี้ผู้มาใหม่ มักจะพูดมากกว่า อยากรู้อยากเห็นมากกว่า ถามคำถามมากมาย และใช้ความคิดมากกว่า แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ไม่กี่สัปดาห์ หรือบางทีไม่กี่เดือน พวกเขาก็จะเริ่มสงบลง พวกเขารู้แล้วว่าทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องไร้สาระ และพวกเขารู้อย่างลึกซึ้ง สิ่งที่พวกเขารู้และนั่นก็คือทั้งหมด พวกเขาแค่รู้ว่ามันคืออะไร Photo Caption: เพื่อนบ้านที่ดี – มิตรภาพช่วยให้คุณ เบ่งบานด้วยความสุข
